ธรรมชาติออกแบบสมองและระบบประสาทของเราให้มีความสามารถในการอยู่รอด
การทำอย่างไรก็ได้ให้ชีวิตสามารถอยู่รอดต่อไปได้คือเป้าหมายพื้นฐานที่สำคัญที่สุด
เพื่อการนี้ระบบประสาทของเราจึงสร้างกลไกที่เรียกว่า Comfort Zone
ขึ้นมาเพื่อลดความเสี่ยงใดๆ ก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตของเรา
Comfort Zone คืออะไร?
มันเป็นภาพจำลองของพื้นปลอดภัยที่จิตใจของเราสร้างขึ้นมา
ในพื้นที่ Comfort Zone นี้เราจะรู้สึกว่ามันปลอดภัยหรืออย่างน้อยก็รู้สึกว่ามันดีอยู่แล้วสมควรที่จะดำเนินอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
หลักการง่ายๆ ของมันมีอยู่ว่า
มนุษย์เรานั้นไม่มีความสามารถสามารถในการที่รู้ได้อย่างแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรกับเราบ้างในอนาคต
เช่นถ้าเราย้ายถิ่นฐานไปที่อื่นอะไรจะเกิดขึ้นกับเราหรือถ้าถ้าเราทำในสิ่งใหม่อะไรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา
ดังนั้นเพื่อให้มันจะปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้
สมองและระบบประสาทของเราจึงเลือกหนทางที่มันคิดว่าดีที่สุดและง่ายที่สุดขึ้นมา
นั่นก็คือ “การไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรเลย” ถ้าเราไม่ย้ายหรือไม่ทำอะไรที่มันแปลกใหม่
เราอยู่ที่เดิมทำอะไรแบบเดิมๆ ปล่อยให้ทุกสิ่งมันดำเนินไปเหมือนกับที่มันเคยดำเนินไปได้ในทุกๆ
วัน ผลลัพธ์มันก็ย่อมจะเหมือนเดิม การเหมือนเดิมอย่างกับทุกวันที่ผ่านมานี้เป็นเครื่องการันตีอย่างชัดเจนว่าฉันยังปลอดภัยดี
ฉันยังปรกติดี หรืออย่างน้อยฉันก็ยังคงมีชีวิตต่อไปได้เหมือนกับทุกๆ วันที่ผ่านมา
เพื่อให้แน่ใจว่าชีวิตของเราอยู่จะใน
Comfort Zone ที่ (มันคิดว่า) ปลอดภัย
ระบบประสาทของเราจึงสร้างเครื่องมือป้องกันไม่ให้เราใช้ชีวิตก้าวล่วงออกจากพื้นที่
Comfort Zone นี้เหมือนกับการที่เราล้อมคอกขังวัวควายเอาไว้ เพื่อไม่ให้หนีหายไปที่ไหน
เครื่องมือที่ว่านี้ก็เช่น
“ความรู้สึกว่าฉันกลัว”
“ความรู้สึกว่าฉันสำเร็จสมบูรณ์ดีแล้ว”
“ความเพ้อฝันถึงอนาคตที่แสนหวานของฉัน”
“ความรู้สึกว่าฉันผิดหรือฉันต้องการไถ่ถอนความผิด”
“ความรู้สึกว่าฉันเหนื่อยแล้ว พอแล้ว”
“ความรู้สึกว่าฉันไม่สามารถ หรือฉันไม่มีวัน”
“ความรู้สึกว่าสิ่งนั้นมันเป็นไปไม่ได้”
“ความรู้สึกว่าใครๆ เขาจะไม่ยอมรับหรือจะไม่ชอบ”
ความจริงยังมีรูปแบบเครื่องมือของ Comfort
Zone
อีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่กล่าวมานี้คือเครื่องมือหลักๆ ที่เรามักจะพบเจอกันอยู่บ่อยๆ
ความจริงความรู้สึก (ที่เราเปรียบว่ามันเป็นเครื่องมือ)
เหล่านี้มันถูกระบบประสาทของเราสร่างขึ้นมาเพื่อพยามปกป้องตัวมันเองให้อยู่รอดปลอดภัย
ซึ่งมันก็เคยใช้ได้ผลดีเมื่อตอนที่พวกเรายังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่ในป่าเป็นฝูงๆ
เหมือนอย่างเมื่อหลายหมื่นหลายแสนปีก่อน เราไม่อยากย้ายถิ่นฐาน
เราไม่อยากออกไปหาอาหารในที่เราไม่เคยไป เราไม่อยากเสี่ยงทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน
ทุกอย่างก็เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
มันเคยเป็นระบบที่ยอดเยี่ยม
แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้
ทุกวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
สภาพสังคมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป ความสลับซับซ้อนทางสังคมและความต้องการ ปัจจัยในการดำรงชีพของมนุษย์สูงมากขึ้น
ละเอียดอ่อนมากขึ้น และสลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จาก Comfort Zone
ที่เคยทำหน้าที่ปกป้องไม่ให้เราได้รับกับอันตรายทุกวันนี้มันกลายสภาพเป็นคอกปิดกั้นความสำเร็จของเราไปเสียแล้ว
หลายคนมีชีวิตย่ำอยู่กับที่ปล่อยให้หลายสิ่งหลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตและผ่านอกไปอย่างว่างเปล่า
เราปล่อยให้ Comfort Zone ปิดกั้นตัวเราเอาไว้ด้วยความรู้สึกกลัว ไม่กล้า
ไม่มั่นใจ
และอีกอะไรอีกมามายหลายอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่ช่วยฉุดรั้งชีวิตของเราให้ย่ำอยู่กับที่
ทุกวันนี้เราไม่พอใจเพียงแค่การหาอาหารในเขตหรือถิ่นอาศัยของตัวเอง
แต่ชีวิตของเราต้องการเดินไปข้างหน้า เดินไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ
ไม่ใช่แค่เราเดินอยู่คนเดียว บ่อยครั้งมันเป็นการแข่งขันกัน
ใครล่ะจะเป็นคนที่ไปถึงและคว้าเอาเป้าหมายนั้นมาไว้ในมือได้ก่อนคนอื่น เมื่อติดอยู่ในคอกกั้น
และเราไม่สามารถก้าวพ้นคอกกั้นนี้ออกไป การเดินทางไปจนถึงเป้าหมายอันเป็นความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้าจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
การแข่งขั้นกันเพื่อไปให้ถึงก่อนก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เป็นเช่นกัน
เมื่อเราต้องการความสำเร็จ
ต้องการชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมชีวิตที่ดีกว่าที่เคยเป็นอยู่
เรามีความจำเป็นต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้เกิดขึ้น การมีชีวิต
“เหมือนเดิม” อาศัยอยู่ใน Comfort Zone ที่แสนสบายไม่อาจทำให้เราไปถึงจุดนั้นได้เลย
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงต้องฝึกออกจาก Comfort Zone
ที่ขังชีวิตของเราเอาไว้
เราจะออกจาก Comfort Zone ได้อย่างไร?
คำตอบของมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการ “ฝึก"
เราต้องฝึกที่จะทำบางสิ่งที่ท้าทาย ไปให้ถึงจุดที่คิดว่ามันเป็นขีดจำกัดของเราแล้วข้ามพ้นมันไปให้ได้
ฝึกที่เอาชนะขีดจำกัดของตัวออกไปเรื่อยๆ ฝึกต่อสู้กับตัวเอง
(บางครั้งอาจจะต้องฝึกสู้กับคนอื่น) เรียนรู้ที่จะเอาชนะตัวเอง ทำลายสถิติของตัวเอง
ขยายพื้นที่ภายในจิตใจของเราออกไปไปเรื่อยๆ
ประสบการณ์เล็กๆ แต่ทรงพลังที่แสนยอดเยี่ยมนี้จะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไป